วันจันทร์ที่ 24 เมษายน พ.ศ. 2560

กลยุทธ์ในการสร้างมนุษยสัมพันธ์ในทีมงาน



การสร้างความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์ในการปฏิบัติงานนั้นไม่ใช่เรื่องยากเลย และสำหรับหน้านี้เรามีเคล็ดลับ 6 ประการ ที่จะช่วยให้คุณ เป็นที่ชื่นชอบของบุคคลอื่น ๆ มาฝาก

1.การสนใจในตัวบุคคลอื่น
มีคำกล่าวไว้ว่าถ้าเรามีความสนใจในตัวบุคคลอื่นแล้วเราอาจจะหาเพื่อนใหม่ ได้ภายใน 2 เดือน แต่ถ้าหากเราจะหาเพื่อนใหม่ โดยการจูงใจให้เขามาสนใจในตัวเรา อาจจะต้องใช้เวลามากกว่า 2 ปี เราจะสังเกตได้ว่าบุคคลผู้เป็นที่รักใคร่ของคนทั่วไปนั้น ส่วนใหญ่จะเป็นผู้ที่มีความสนใจใน ตัวบุคคลอื่น ดังนั้นถ้าเราอยากเป็นที่รักใคร่ของผู้อื่น จึงต้องรู้จักแสดงความสนใจ ในตัวบุคคลอื่นอาจจะโดยการไต่ถามสารทุกข์สุขดิบ ส่งการ์ดอวยพรหรือของขวัญ ให้เขาในวันเกิด หรือเทศกาลสำคัญๆ ส่งบทความ การ์ตูน หรือสิ่งอื่น ๆ ที่คิดว่าน่าสนใจ ให้แก่เพื่อนร่วมงาน สมาชิกในทีมงานโดยอาจจะส่งทาง E-mail ก็ได้และเมื่อเพื่อนร่วมงาน มีปัญหาก็ควรเสนอตนเองช่วยเหลือด้วยความเต็มใจ

2. การยิ้มแย้มแจ่มใสอยู่เสมอ
บุคคลที่จะเป็นที่ประทับใจแก่ผู้พบเห็นมาที่สุด และนานที่สุดก็คือ บุคคลที่มีใบหน้ายิ้มแย้ม แจ่มใส อยู่เสมอ เมื่อเราพบปะกับบุคคลเช่นนี้เราจะรู้สึกว่าเกิดความรัก ความนับถือขึ้นมาทันที ทั้งๆ ที่เราอาจจะยังไม่เคยรู้จักเขามาก่อนเลยก็ตามและจะสังเกตได้ว่า หัวหน้าที่มีใบหน้า ยิ้มแย้มแจ่มใส มีผลต่อจิตใจของผู้ใต้บังคับบัญชาได้อย่างประหลาด ใบหน้าที่ยิ้มแย้มจะทำให้ผู้ใต้บังคับบัญชาเกิดความเกรงใจ ความกระตือรือร้น และความขยันขันแข็งมาเองโดยมิต้องใช้อำนาจบังคับแต่อย่างใด แต่การยิ้มในที่นี้ก็ต้องเป็นการยิ้มอย่างเต็มอกเต็มใจ ยิ้มอย่างเปิดเผย มิใช่แสร้งยิ้มชั่วครั้ง ชั่วคราวเพื่อหาประโยชน์ เพราะการยิ้มเช่นนั้นจะไม่ทำให้เกิดความประทับใจแก่ผู้ที่ได้พบเห็นเลย

3. การจำชื่อบุคคลต่าง ๆ
คนเราย่อมสนใจและพึงพอใจในชื่อของตนเองมากกว่าชื่อใด ๆ ในโลก ดังนั้นการการที่เราสามารถจำชื่อบุคคลอื่นได้ และสามารถเรียกชื่อเขาได้ อย่างถูกต้องจะทำให้เขาเกิดความภาคภูมิใจและคิดว่าเราระลึกถึงความสำคัญของเขาอยู่เสมอเขาจะเกิดความพอใจ และจดจำเราได้ตลอดไปเช่นเดียวกัน

4. การเป็นผู้ฟังที่ดี
บุคคลที่เราสนทนาด้วยนั้นย่อมสนใจในตัวของเขาและความต้องการของเขา ดังนั้นถ้าเราปรารถนาจะเป็นที่รักใคร่ของบคุคลอื่นก็จะต้องรู้จักเป็นผู้ฟัง ที่ดีด้วยการสนใจในเรื่องที่บุคคลอื่นพูดไม่พูดขัดคอขึ้นมาในขณะที่คู่สนทนายังพูดไม่จบพยายามจูงใจให้เขาสนทนาในเรื่องที่เขาสบายใจและควรสนับสนุน หรือชมเชยคู่สนทนาเป็นครั้งคราว

5. การพูดในเรื่องที่ผู้ฟังสนใจ
เดล คาร์เนกี้ เคยกล่าวไว้ว่าถ้าเราปรารถนาจะสร้างความนิยมขึ้นในตัวเองแล้วจงสนทนาแต่งในเรื่องที่อยู่ในความสนใจของคู่สนทนา ดังนั้นเมื่องเราต้องการเป็นที่รักใคร่ชอบพอของบุคคลอื่นเราก็ต้องรู้ว่าคู่สนทนาของเรา สนใจในเรื่องอะไรและต้องพยายามแสวงหาข้อมูลจากที่ต่าง ๆ แต่ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องรู้ข้อมูลทุกอย่างทั้งหมด ในบางเรื่องเรารู้เพียงแต่จะกล่าวนำหรือคอยรับฟังก็เพียงพอแล้ว

6. การรู้จักยกย่องบุคคลอื่น
นักจิตวิทยาหลายท่านกล่าวไว้ว่าความปรารถนาอันแรงกล้าอย่างหนึ่งของมนุษย์ ก็คือความปรารถนาที่จะได้รับคำสรรเสริญ คนเราต้องการได้รับคำยกย่องจากผู้ที่เราติดต่อด้วย ต้องการให้ผู้อื่นรู้ว่าเรามีความสำคัญ และต้องการให้เพื่อนของเรายกย่องสรรเสริญเราอย่างเต็มอกเต็มใจ และชมเชยเราในทุกโอกาสที่จะทำได้ ดังนั้นเมื่อเราปรารถนาจะเป็นที่ชอบพอของบุคคลอื่น เราก็ต้องปฏิบัติต่อคนอื่น เช่นเดียวกับที่เราต้องการให้คนอื่นปฏิบัติต่อเรา นั่นก็คือการระลึกถึงความสำคัญของผู้อื่นในทุกโอกาส
การทำงานทุกอย่างย่อมมีอุปสรรคทั้งสิ้น แต่ถ้าหากว่าพวกเราทุกคนรู้จักสร้างความสัมพันธ์เชิงกลยุทธ์ในการปฏิบัติงาน และนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์แล้ว เราก็จะสามารถทำงานได้อย่างราบรื่น และมีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น


อ้างอิง :กองบริการการศึกษา.มหาวิทยาลัยนเรศวร เเละ www.novabizz.com
UP Training  อ่านบทความอื่นๆ คลิก

วันพุธที่ 19 เมษายน พ.ศ. 2560

ทำอย่างไร เมื่อลูกน้องภายในทีมมีปัญหา?



          การบริหารจัดการกับคนนั้นยากยิ่งกว่าการบริหารจัดการกับงาน การทำงานบริหารจึงไม่ใช่เรื่องง่าย เมื่อลูกน้องทำตัวมีปัญหา ในฐานะหัวหน้างานจะรับมืออย่างไรนั้น เป็นบททดสอบที่หัวหน้างานทุกคนต้องประสบพบเจอ และแก้ไขปัญหาให้ได้สถาบันฝึกอบรม อัพ เทรนนิ่ง มีคำแนะนำในการพูดคุยกับลูกน้องที่มีปัญหาลองนำไปใช้กันดูค่ะ

พูดคุยกันเมื่อทำผิด
เมื่อลูกน้องทำผิด ในฐานะหัวหน้างานควรหาโอกาสเข้าไปพูดคุยถึงปัญหาที่เกิดขึ้น แต่ไม่ควรแสดงออกว่าคุณต้องการว่ากล่าวตักเตือนเพียงอย่างเดียว ทั้งนี้ ควรแสดงเจตนาว่าต้องการช่วยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น อย่างไรก็ดี การที่จะเข้าไปพูดคุยนั้น ควรเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมด้วย เพราะไม่เช่นนั้น อาจทำให้เกิดความยุ่งยากมากขึ้นได้

เริ่มต้นอย่างนุ่มนวล
ในการเข้าไปพูดคุยถึงปัญหาเป็นการส่วนตัวนั้น ควรเริ่มต้นอย่างค่อยเป็นค่อยไป โดยคุณอาจจะให้สัญญาณว่า กำลังจะเริ่มต้นพูดถึงปัญหาที่เกิดขึ้น ซึ่งเป็นเรื่องลำบากใจที่จะพูดถึง แต่คุณก็จำเป็นต้องพูด เพื่อให้ลูกน้องของคุณได้ทราบถึงปัญหา และแนวทางแก้ไข เพื่อนำไปปรับปรุงต่อไป

ชี้ให้เห็นผลดีเมื่อแก้ปัญหาสำเร็จ
วิธีพูดคุยที่ดีที่สุดคือการพูดอย่างตรงไปตรงมา และเข้าใจง่าย ไม่ต้องอ้อมค้อม โดยบอกลูกน้องว่าหากเขาสามารถเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมได้จะส่งผลดีอย่างไรต่อตัวเขาและองค์กร ในขณะเดียวกันหากเขาไม่เปลี่ยนแปลงจะเกิดผลกระทบต่อหน้าที่การงานของเขาอย่างไร การพูดกันด้วยเหตุผลที่ทำให้เขาได้คิดจะให้ผลตอบรับที่ดีกว่าการทำให้ลูกน้องรู้สึกกดดันในคำพูดของคุณ

ทำข้อตกลงในการปรับปรุงตน
เมื่อพูดคุยกันจนเข้าใจแล้ว ควรกำหนดระยะเวลาในการปรับปรุงตน อาจเริ่มตั้งแต่วันรุ่งขึ้นเป็นต้นไปจนถึงระยะเวลาเท่าใด ให้ลูกน้องเป็นผู้กำหนดกรอบเวลาด้วยตนเอง ส่วนคุณเป็นผู้ติดตามและประเมินผลเมื่อครบกำหนดตามที่ตกลงกัน

ติดตามผล
เมื่อถึงเวลาการประเมินผล คุณอาจพบว่าบางปัญหายังไม่ได้รับการแก้ไข อาจเป็นเพราะยังแก้ไม่ถูกจุด คุณอาจต้องลองวิเคราะห์ปัญหาดูอีกครั้งและให้ข้อเสนอแนะเพิ่มเติม แต่หากคุณได้ติดตามผลแล้วพบว่าเป็นเพราะลูกน้องไม่ให้ความร่วมมือ อาจจำเป็นต้องมีการคาดโทษในขั้นตอนต่อไป


ที่มา : jobsdb.com
UP Training  อ่านบทความอื่นๆ คลิก

วันอังคารที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2560

5 ธีมงานปาร์ตี้ ทีมบิ้วดิ้ง (Team building), วอลล์เเรลลี่ (Walk Rally) สุดเจ๋งที่ทุกองค์กรต้องไม่พลาด!



1.Cowboy Party
มาถึง Theme แรกกับ Theme สนุกๆ อย่าง Cowboy Night ที่ ได้แต่งตัวกันเป็น Cowboy เก๋ๆ เท่ๆ เหมือนหลุดออกมาจากในหนัง สามารถครีเอทกันได้เต็มที่เลยว่าจะแต่งตัวให้คูลแค่ไหน จะใส่บูทยาวถึงเข่า กางเกงยีนส์แบบสลิม เสื้อเชิร์ทลายสก็อตพร้อมหมวกปีกกว้าง เท่านี้ก็เลิศแล้ว

2.Alice in wonderland

สำหรับ Theme คูลๆ ที่สองต้องนี่เลย Theme ที่ให้หนุ่มๆ สาวๆ แปลงกายเป็นตัวละครสุดแฟนตาซีจากหนังเรื่อง Alice in wonderland ที่นี่แต่ละคนก็สามารถครีเอท ได้เลยว่าอยากจะเป็นอะไร เพราะใน Wonderland นั้นอะไรก็สามารถเกิดขึ้นได้เสมอ รับรองว่างานปาร์ตี้ของคุณในคืนนี้จะเต็มไปด้วยสีสันแน่นอน!

3.The Great Gatsby

อีกหนึ่ง Theme สุดเก๋ต้องนี่เลย The Great Gatsby ที่ให้หนุ่มๆ สาวๆ เหมือนหลุดออกมาจากในหนังเรื่อง The great gatsby ในยุค 20’s ที่ทุกอย่างอลังการและเริ่ดเว่อ ได้ใส่ชุดสวยๆ มีเครื่องหัวเก๋ๆ แต่งหน้าจัดเต็ม ขนนกฟูฟ่อง แซ่บเว่อ เป็นอีกหนึ่ง Theme ที่น่าสนใจเป็นอย่างมากเลยทีเดียว

4.Neon Lights 
และหากว่าหนุ่มๆ สาวๆ อยากได้ Theme สุดคูลแบบไม่เหมือนใคร เราขอแนะนำ Neon Lights กับงานปาร์ตี้สไตล์ Neon หรืองานปาร์ตี้ที่ใช้แสงสีเข้ามาช่วยทำให้ค่ำคืนของคุณมันส์สุดเหวี่ยง แค่เปิดเพลงมันส์ๆ แล้วแต่งตัวเปรี้ยวๆ แบบสะท้อนแสง เท่านี้ก็เก๋แล้ว


5.Hollywood
สำหรับ Theme สุดท้ายที่สุดแสนจะเลิศนั่นก็คือ Theme สไตล์ Hollywood ที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้แต่งตัวมาเป็นดาราฮอลลีวู้ดระดับโลกที่ตัวเองชื่นชอบ ไม่ว่าจะ Marilyn Monroe, Leonardo DiCaprio จะไปเป็นใครก็ตามแต่ แต่งานนี้ทุกคนได้มันส์ในงานปาร์ตี้บนพรมแดงแน่นอน!

เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับ Theme ปาร์ตี้ ทีมบิ้วดิ้ง (Team building), วอลล์เเรลลี่ (Walk Rally) ในแต่ละสไตล์ที่รับรองว่าหนุ่มๆ สาวๆ ในองค์กรหรือออฟฟิศจะต้องชอบอย่างแน่นอน เอาไว้เป็นตัวเลือกได้เลย


อ้างอิงจาก : eventbanana.com
UP Training  อ่านบทความอื่นๆ คลิก

วันจันทร์ที่ 10 เมษายน พ.ศ. 2560

6 เทคนิคฝึกทักษะการสื่อสารอย่างมีประสิทธิภาพ




1. ถ้าจำไม่ได้ต้องจด
บ่อยครั้งที่เราอยู่ในการประชุมอันยาวนาน และมีข้อถกเถียง ข้อสรุปเกิดขึ้นมากมาย ที่เราต้องน้อมรับไปปฏิบัติต่อ หรือต้องนำไปถ่ายทอดให้คนอยู่นอกห้องประชุมฟัง เพื่อนำไปปฏิบัติติดตามงาน โดยส่วนใหญ่แล้วมักมีมากมายหลายข้อ หลายเงื่อนไข เพื่อกันพลาด จด หรือบันทึก สักนิดจะดีมั้ย เพื่อไม่ให้ลืม อุปกรณ์การจดแล้วแต่ความถนัด บางคนถนัดวาดเป็นรูปภาพ ก็สามารถทำได้ หรือสมัยนี้ทันสมัยกว่า แค่คว้าสมาร์ทโฟนมาถ่ายภาพ เก็บเอาไว้ก็ได้เช่นกัน เอาที่ตัวเองอ่านเข้าใจ และนำไปถ่ายทอดได้อย่างมีประสิทธิภาพจะดีที่สุด

2. จับประเด็นสำคัญ
ในหนึ่งเรื่องราว หนึ่งคำสั่งที่เราได้ยินมา มันอาจจะเป็นเรื่องอารัมภบทต่าง ๆ นานา หรืออาจจะเป็นกลยุทธ์ยุทธศาสตร์อะไรที่ยาวเหยียดมาก ๆ ก็ได้ ถ้ารับได้รับการมอบหมายให้เป็นผู้ส่งต่อสาร ก่อนจะไปบอกไปสั่งงานใคร กรุณาเรียบเรียงใจความสำคัญในสมองตัวเองสักนิด ว่าเราจะไปเล่าต่ออย่างไรดี ให้กระชับ และเหมาะสมกับบริบทของเนื้องานมากที่สุด การสื่อสารที่ดีไม่ใช่ว่าต้องไปพูดในทุกสิ่งที่คุณได้ยินมา ให้ผู้ฟังรับทราบ ถ้ามันไม่ได้เกี่ยวอะไรเลยกับเนื้องาน ก็ไม่จำเป็นต้องพูด

3. สื่อสารให้ตรงประเด็น
เมื่อเรียบเรียงจับประเด็นสำคัญได้แล้ว เวลาต้องถ่ายทอดต่อ ก็อย่าอ้อมค้อม พูดวนให้เกิดความสับสนไปอีก สาร เมื่อได้รับการสื่อต่อหลายๆทอด ก็ย่อมเกิดความบิดเบือนได้มากอยู่แล้ว อย่าไปพยายามจัดสรร ปั้นคำพูดให้ดูสวยงามแต่น้ำท่วมทุ่ง จนทำให้ผู้ฟังต้องไปจับประเด็นอีกรอบหนึ่ง พูดให้ตรงประเด็น จะย่นระเวลาได้อีกเยอะ เอาเวลาไปทำงานดีกว่ามาถอดรหัสคำพูด ว่ามั้ยคะ

4. รู้ว่าต้องพูดอะไร กับใคร
ต้องวิเคราะห์ผู้รับสาร ว่าเขาจำเป็นต้องรู้เรื่องไหน แล้วไม่ควรรู้เรื่องไหนบ้าง ต้องพูดอย่างไรเพื่อประสานประโยชน์ของหลาย ๆ ฝ่ายให้ลงตัว ในเรื่องเดียวกัน ถ้าเราให้ผู้บังคับบัญชาฟัง ก็ควรหยิบเอาประเด็นที่ผู้บังคับบัญชาสนใจมาเล่าให้ฟัง เพราะอาจมีผลต่อนโยบายบริหาร แต่ถ้าเราให้ผู้ใต้บังคับบัญชาฟัง อาจจะต้องเล่าอีกมุมหนึ่ง เป็นต้น

5. พยายามทำความเข้าใจกับทั้ง 2 ฝ่าย
ยากที่สุดของการสื่อสาร คือ การเป็นตัวกลางในการเชื่อมต่อระหว่างหลาย ๆ ฝ่าย ในเบื้องต้นเราต้องเข้าใจคนทั้ง 2 ฝ่าย ว่าแต่ละฝั่งมีความต้องการแบบไหน ในเรื่องใด และเค้าเหล่านั้นมี background ความรู้ในเรื่องราวต่าง ๆ มาดีมากน้อยแค่ไหน จะเห็นได้บ่อยครั้งว่า บางคนไม่ได้ทำการบ้านมาก่อนทำการสื่อสาร แล้วหลุดพูดอะไรที่อีกฝ่ายไม่ควรรู้ออกมา หรือพูดในสิ่งที่อีกฝ่ายตามไม่ทัน เพราะไม่มีการปูพื้นฐานเล่าย้อนเรื่องราวที่น่าจะเกี่ยวข้องกับการตัดสินใจก่อนเลย ทำให้ผู้ฟังอาจจะต้องหาจุดเชื่อมเรื่องราวเอาเองจนอาจเกิดเป็นความเข้าใจผิด หรือแต่งเกินเรื่องเดิมไปมาก ออกแนวมโนแจ่ม มโนไปไกล ดังนั้นจึงควรใส่ใจ และทำการบ้านก่อนให้มากก่อน จะเชื่อมประสานประโยชน์ระหว่างหมู่คณะ มิใช่ทุกคนจะรู้ทุกเรื่องแบบที่เราคิดว่าเค้าน่าจะรู้ และไม่ใช่ทุกคนจะเข้าใจในมุมมองแบบเรานะจ๊ะ โปรดระวัง และเมคชัวร์

6. อย่าใส่อารมณ์ตัวเอง
เรียกง่าย ๆ ว่าอย่าดราม่า เมื่อเราเป็นคนตรงกลาง จะพูดจะคุยอะไรต้องระมัดระวัง อย่าใส่อารมณ์ เหตุผล และทัศนคติตนเองลงไปปรุงแต่งในสาร เพราะอาจจะทำให้เกิดความขัดแย้งรุนแรงยิ่งกว่าเดิมได้ อย่าได้ออกความเห็นจนกว่าจะโดนขอร้องให้แสดงความคิดเห็น ได้รับสารมาอย่างไร หยิบประเด็นสำคัญมาสื่อสารไปก่อน เซฟตี้เฟิร์สยังใช้ได้เสมอ


Credit : JobDB.com
UP Training  อ่านบทความอื่นๆ คลิก