วันจันทร์ที่ 4 กันยายน พ.ศ. 2560

7 ข้อความผิดพลาดมนุษย์เงินเดือน



วันนี้อยากจะมาแชร์ประสบการณ์ 7 ความผิดพลาดของมนุษย์เงินเดือน ขอให้คุณเรียนรู้จากประสบการณ์คนอื่นและเก็บไว้เป็นบทเรียนก่อนชีวิตตัวเองจะประสบพบเจอ

7. คิดถึงเรื่องวางแผนลาออกจากงาน ในวันที่ตัวเองไม่อยากทำงานแล้ว
วินาทีที่คุณพร้อมจะวางแผนลาออกจากงานจริงๆ คือตั้งแต่วินาทีแรกที่คุณเข้าทำงาน แต่คนส่วนใหญ่ไม่ใช่อย่างนั้น ลองสังเกตุพฤตกรรมของมนุษย์เงินเดือนมือใหม่ดูก็รู้ เงินเดือนเดือนแรกไม่มีใครคิดถึงเรื่องการออม มีแต่คิดถึงเรื่องว่าจะเอาเงินไปใช้อะไรท่าเดียว พอใช้เงินจากการทำงานจนหมด ก็วิ่งหาบัตรเครดิต ใช้เงินในอนาคตล่วงหน้าหลายๆปี ถึงตอนนั้นอยากจะลาออกจากงานก็ยากแล้ว เพราะภาระหนี้สินจ่อบีบคอทุกเดือน

6. ไม่ดิ้นรนยอมทำอาชีพเสริมแต่เนิ่นๆ ติด Comfort Zone เต็มๆ
สมัยก่อนอาชีพเสริมคือทางเลือก สมัยนี้อาชีพเสริมคือทางรอด มนุษย์เงินเดือนส่วนใหญ่มักจะมองที่ผลตอบแทนที่ได้เน้นๆเนื้อๆมากกว่าจะลงทุนแล้วต้องผจญความเสี่ยง ในความเป็นจริงการไม่สร้างอาชีพเสริมนั่นเเหละคือสุดยอดความเสี่ยงในยุคที่เศรษฐกิจล่มสลายทั้งโลก ชีวิตมนุษย์มีแต่ความไม่แน่นอน ทำไมถึงคิดว่าการมีรายได้ทางเดียวเป็นเรื่องแน่นอน หลายคนบอกว่าทำธุรกิจมีแต่ความเสี่ยง ก็อย่าเริ่มทีละหลายๆแสนสิครับ 5-6 พันก็เริ่มได้แล้ว รุ่นพี่ผมคนหนึ่งขายของกินตลาดนัด ทุนตั้งตัวแค่ 5 พันกว่าบาท ขาย 1 เดือนแรกถอนทุน และเติบโตพัฒนาต่อยอดมาเรื่อยๆ ทุกวันนี้มีรายได้วันนึงหลักหมื่นจากตลาดนัดที่เดิมนั่นเเหละ

5. เข้าใจผิด คิดว่าเรื่องบริหารเงินแปลว่าขี้งก
เงินเดือนออกแล้ว จะเอาไปทำอะไรดี ไอ้นู่นก็น่าซื้อ ไอ้นี่ก็น่าซื้อ พอซื้อมาปุ๊ปแล้วเท่ห์ ต้องแชร์ลงโซเชียลให้โลกรู้ แต่หารู้มั้ยว่าคุณกำลังตกเป็นเหยื่อของนักการตลาดและเจ้าของสินค้าเหล่านั้นเต็มๆ หน้าที่ของเขาคือพยายามโยกเงินจากกระเป๋าคุณไปใส่กระเป๋าเขาให้มากที่สุด สำหรับมนุษย์เงินเดือนด้วยกันอาจจะชื่นชมที่คุณใช้เงินซื้อของราคาแพง แต่สำหรับนายตัวเองนั้นเห็นแล้วส่ายหน้าทุกคน สิ่งเหล่านั้นสามารถมีได้ถ้าผ่านการคิดและบริหารเป็นอย่างดี แต่ถ้ามีของแบรนด์แต่เงินเก็บไม่มี อันตรายชัวร์

4. คิดในแง่ลบไม่เป็น
คนสูบบุหรี่ไม่มีวันเชื่อว่าตัวเองจะเป็นมะเร็งปอด คนเที่ยวผู้หญิงไม่มีวันเชื่อว่าตัวเองจะติดโรคร้าย คนไม่ออกกำลังกายไม่มีวันเชื่อว่าตัวเองจะเป็นความดันเบาหวาน คนทำงานประจำไม่มีวันเชื่อว่าตัวเองจะตกงาน ทุกวันนี้คุณสามารถมีชีวิตโดยขาดรายได้ได้นานสุดกี่เดือน การตกงานเพราะเจอเรื่องไม่คาดฝันมีจริง อย่าล้อเล่นกันไป บางคนไม่ได้ลาออกจากงานเพราะเรื่องภายในบริษัท แต่ออกเพราะคนที่รักเป็นมะเร็ง ป่วย กำลังต่อสู้กับความตาย หรือเจอเงื่อนไขที่ทำให้ตัวเองกลับไปทำงานประจำไม่ได้อีกต่อไป หรือถ้าคุณบอกว่าไม่มีทางเพราะคุณมีลูก ลูกต้องเลี้ยงดูคุณสิ ลูกค้าผมหลายคนอายุ 60 แล้ว ยังต้องส่งเงินค่าเช่าบ้านให้ลูกอยู่เลย ลูกไม่รบกวนเงินคุณนี่ถือว่าประเสริฐแล้ว

3. เงินเดือนยิ่งเยอะ ยิ่งดี
เงินเดือนยิ่งเยอะ พลังอำนาจในการจับจ่ายและเป็นหนี้ยิ่งมากขึ้น จากประสบการณ์ของลูกค้าผม การมีรายได้มากขึ้นจะมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายที่มากขึ้นเสมอ คนที่ฝึกนิสัยสร้างรายได้แต่ไม่ฝึกนิสัยควบคุมค่าใช้จ่าย ต่อให้มีเงินเดือนเป็นแสนๆก็พินาศได้ ผมเห็นมาเยอะมาก คุณจะต้องเพิ่มสมการการหาเงินด้วย เป็น เงินเดือนเยอะยิ่งดี จ่ายเงินให้น้อยยิ่งยอดเยี่ยม ใช้เงินให้เหลือเยอะๆเผื่อเรื่องไม่คาดฝันในชีวิตจะเกิดขึ้น

2. มองไม่เห็นอนาคใต ว่าอายุการทำงานของมนุษย์เงินเดือนสั้นลงเรื่อยๆ
อินเตอร์เน็ตเข้ามาเปลี่ยนแปลงระบบการทำงานทุกอย่าง อนาคตองค์กรจะลดขนาดให้เล็กลง แต่ศักยภาพและประสิทธิภาพสูงกว่าเดิมเพราะเทคโนโลยีเข้ามาแทนที่แรงงานมนุษย์ ตอนนี้มีหลายคนถูกบีบให้ออกเพราะความสามารถนั้นไม่จำเป็นกับองค์กรอีกต่อไปแล้วก็มีถมไป ลูกค้าของผมหลายๆคนตกงานทั้งๆที่องค์กรขยายกิจการ เติบโต ยอดขายสูงขึ้น และต้องการลดคนงานลงเพื่อตัดปัญหาที่มนุษย์จะสามารถก่อได้ทิ้งไป ต่างประเทศเทรนด์นี้มาเรียบร้อยแล้ว ในประเทศไทยก็เริ่มมีให้เห็นประปราย และที่สำคัญที่สุด ถ้าคุณไม่ได้เป็นข้าราชการหรือพนักงานรัฐวิสาหกิจ ปลายทางของคุณกับเส้นทางการทำงานประจำคืออะไร คุณต้องตอบตัวเอง

1. หลงลืมความฝันของตัวเองแล้วใช้ชีวิตอยู่กับโลกของความเป็นจริง
ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่าการหลงลืมความฝัน แต่หลับหูหลับตาอยู่ในโลกของความเป็นจริงที่เปลี่ยนแปลงอะไรไม่ได้เลย บางคนอยากเปิดร้านอาหารเล็กๆ เป็นครูสอนร้องเพลง เป็นนักพูดนักเขียนถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์ผ่านให้คนรุ่นหลัง แต่ก็ไม่ทำเพราะกังวลโลกของความเป็นจริงมากไป ปล่อยให้คนอื่นมาพูดกรอกหูว่าวาสนาคนเราไม่เท่ากัน ศักยภาพคนเราไม่เท่ากัน ทำไมไม่หัดยอมรับความจริงซะบ้าง ขอเตือนเลยนะครับ มีความฝันอะไรรีบทำ วันนี้ยังมีแรงยังทำไม่ได้ ในอนาคตที่เรี่ยวแรงน้อยลงจะทำได้ดีกว่าวันนี้จริงเหรือ เด็กรุ่นใหม่เขาไม่สนใจโลกของความเป็นจริงแล้ว เราต้องแข่งกับเวลาที่เหลืออยู่ในชีวิต ระหว่างประสบความสำเร็จ มีความสุข กับความตาย อะไรจะมาถึงเราก่อนกัน
เป็นกำลังใจให้ทุกคนครับ สู้ๆ


ที่มา : วิชญ์ www.Vittarot.com
UP Training อ่านบทความอื่นๆ คลิก 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น