วันพุธที่ 7 ตุลาคม พ.ศ. 2558

กลยุทธ์การสร้างทีมงานสู่ความสำเร็จ (ตอน : ทีมงานนั้นจะเกิดขึ้นได้อย่างไร)


          ทีมจะเกิดเมื่อหัวหน้ามีภาวะผู้นำที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิผล (Strong and Effective Leadership) และรู้วิธีหรือกลไกการสร้างทีม (Internal Mechanism)

ลักษณะของผู้นำที่มีภาวะความเป็นผู้นำแข็งแกร่ง (Strong Leadership)
1. มีสภาวะจิตแข็งแกร่ง มั่นคง มุ่งมั่นที่จะเป็นที่หนึ่ง ทั้งนี้ มิได้หมายความว่าผู้นำจะใช้พระเดชอย่างเดียว จิตที่มั่นคงทำให้จิตมีพลังมุ่งมั่นทำงานจนเสร็จ จิตที่ฟุ้งซ่านทำให้เปลี่ยนใจ ล้มเลิกความตั้งใจได้ง่าย คำพูดต่อไปนี้แสดงถึงจิตใจที่มุ่งมั่นจะเป็นผู้นำ 
“อันของสูงแม้ปองต้องจิต ไม่คิดปีนป่ายจะได้หรือ”
“I got to be number one”
2. ไม่ยอมแพ้ ผู้นำมองปัญหาเป็นสิ่งท้าทายไม่ยอมแพ้ พร้อมที่จะเผชิญอุปสรรค เพราะปัญหาทุกอย่างมีทางแก้
“ทุกโรคย่อมมียาแก้ แต่เราหายาแก้พบหรือยัง”
“If you cannot tolerate heat in the kitchen.Get out of it”
3. มองเห็นสภาพและอยู่กับปัจจุบัน ทิ้งอดีต รู้ที่มาที่ไปของปัจจุบัน รู้ลู่ทางแก้ปัญหา ไม่ยึดติดกับอดีตเชิงลบซึ่งจะทำให้ไม่มั่นใจหรืออดีตที่ประสบความสำเร็จซึ่งจะทำให้ประมาท
Robert Redford กล่าวว่า “I always look at myself as if I were a locomotive always heading forward never looking back”
Jack Welch กล่าวว่า ผู้นำต้องอยู่กับปัจจุบัน ไม่ใช่อยู่กับสิ่งที่มันเคยเป็นในอดีตหรือที่เราอยากให้เป็น หนังสือที่เขาเขียนเกี่ยวกับผู้นำแบบ Strong Leadership ได้แก่ “Jack Straight for the Gut” และ “Control your Destiny or Someone else Will”
          ลักษณะของผู้นำที่มีประสิทธิผล (Effective Leadership)
ผู้นำที่มีประสิทธิผลจะทำให้เกิดงานที่ต้องการได้ มองเห็นภาพรวมของสิ่งที่ต้องการในขั้นสุดท้าย มองผ่านอุปสรรคไปเห็นจุดหมาย รู้ทิศทางที่จะไป รู้วิถีทางที่จะหลบหลีกปัญหาได้ ดร. ลิขิต ธีรเวคิน สอนว่า คนฉลาดมองเห็นป่าไม้ไม่ใช่มองเห็นต้นไม้ใบไม้ในป่า หนังสือขายดีสองเล่มเกี่ยวกับเรื่องนี้ เขียนโดย Jim Collins คือ “Good to Great” และ “Built to Last” การอ่านมากทำให้มีความรู้ มีปัญญา เป็นคนฉลาดและเป็นผู้นำที่มีความสามารถ
          ลักษณะของผู้นำที่มีความสามารถ Leader แตกต่างจาก Manager ผู้จัดการหรือ Manager เป็นคนที่สามารถทำงานแต่ละวันได้เสร็จ รวดเร็ว ถูกต้อง ใช้ความคิดริเริ่ม และสร้างแรงจูงใจลูกน้องในการร่วมมือทำงานได้ไม่มากนัก แต่ Leader มีภาวะผู้นำที่ต้องเรียนรู้ ฝึกฝน ไม่ได้เกิดขึ้นเอง คุณสมบัติของผู้นำ มีดังนี้
1. Vision มีวิสัยทัศน์กว้างไกล หมายถึงมีภาพในใจที่จะผลักดันองค์กรให้เป็นจริงตามภาพนั้น นั่นคือ ผลักดันองค์กรสู่ความเป็นเลิศ หนังสือ “Primal Leadership” เขียนโดย Denial Goman กล่าวว่า คนจะเป็นผู้นำได้ต้องมี Supreme Performance หรือ มีความสามารถเหนือผู้อื่น คิดว่าตัวเองเป็นหนึ่ง เชื่อมั่นว่าตัวเองจะไปสู่เป้าหมายสูงสุด (zenith) ได้ ซึ่งจะมีแรงผลักดันตัวเอง และลูกน้องให้ไปสู่เป้าหมายที่ตั้งไว้ร่วมกันได้
2. Goal and Strategy มีเป้าหมายชัดเจนเพื่อให้รู้ทิศทางที่องค์กรจะเดินไปร่วมกัน และมีกลยุทธ์ วิธีการที่จะไปสู่เป้าหมายคือต้องมีนโยบาย ผู้นำต้องคิดวางกรอบเพื่อให้ลูกน้องเดินตาม และมีแผนสำรอง (contingency plan) นอกเหนือจากแผน 1 ต้องมีแผน 2 และแผน 3 รองรับ
3. Communication Skill มีทักษะในการสื่อความ รู้จักพูดคุยให้ลูกน้องรู้ว่าเราต้องการอะไร อะไรคือเป้าหมายขององค์กร คนที่มีสมาธิสูงและมี “Intellectual Software” มากจะสื่อความได้ชัดเจน แหล่งความรู้ขนาดใหญ่ในปัจจุบันคือ Google.com ใน Internet เพียงแต่พิมพ์คำสำคัญของสิ่งที่ต้องการรู้เป็นภาษาอังกฤษ ก็จะได้ข้อมูลที่ต้องการมากมาย
4. Coaching and Teaching ผู้นำต้องนำประสบการณ์มาสอนแนะเป็นภาพกว้าง ๆ ให้ลูกน้องรู้ว่าจะทำอย่างไร และจะได้แน่ใจว่างานจะเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง ให้โอกาสลูกน้องใช้ความสามารถทำงานส่วนที่เป็นรายละเอียด
5. Follow Up and Evaluation มีการติดตามอย่างใกล้ชิดโดยให้มีการรายงานด้วยวาจา หรือเอกสารผู้นำที่ติดตามงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะต้องรู้งานในทุกขั้นตอน การติดตามจะทำให้ลูกน้องมีกำลังใจเพราะรู้ว่าหัวหน้าสนใจ ให้ความสำคัญ
          ผู้ที่มีบุญญาบารมี หรือ “Charismatic Leader” เป็นสุดยอดของผู้นำที่ได้นำศาสตร์ตะวันตกมาผสานกับพุทธปรัชญา Common Traits ของผู้นำลักษณะนี้คือ มีความคิดเชิงบวกไม่มีปัญหาใดที่จะมากระทบใจจนทำให้จิตกระเพื่อม จิตจะผ่องใสตลอดเวลา ตรงตามพุทธปรัชญาคือทำจิตใจให้ผ่องแผ้วเมื่อคิดเชิงลบก็เปลี่ยนเป็นเชิงบวกได้โดยอาศัยมรรค 8 ลักษณะของผู้นำที่มีบุญญาบารมี มีดังนี้
1. มีความคิดเชิงบวก เมื่อมีปัญหาก็แก้ไข มีจิตใจผ่องใสตลอดเวลาเป็นพลังธรรมชาติที่ได้จากการฝึกจิตมาเป็นอย่างดี เป็นจิตที่อยู่เหนือนิวรณ์ทั้ง 5 ทำให้คนที่พูดคุยด้วยประทับใจ อบอุ่น อยากทำงานด้วย
2. มีคุณธรรม มีความยุติธรรมในการให้คุณให้โทษ และตระหนักว่าโลกนี้ไม่มีความยุติธรรมที่แท้จริง มีเพียง Approximate Justice มีความซื่อตรง (Integrity) ปากกับใจตรงกัน ไม่โกหก ไม่คิดเล็กคิดน้อย ทำให้จิตมีพลังมองเห็นสิ่งต่างๆตรงตามความเป็นจริง
3. มีวุฒิภาวะทางอารมณ์ (Emotional Quotient) ไวต่อการเปลี่ยนแปลงจิตใจของผู้อื่น และใช้ความรู้สึกนำการกระทำ เช่น เมื่อรู้สึกว่าไม่ควรก็ไม่พูด ไม่ทำ โดยยึดหลักการและความถูกต้อง

กลยุทธ์ในการสร้างทีมงาน คือ ให้ทุกสิ่งวิ่งไปสู่งานไม่ใช่ไปสู่คน ดังนี้
1. Put the Right Man on the Right Job มองคนให้ออกว่า แต่ละคนมีจริตแบบใดมอบหมายงานให้เหมาะกับจริตตามที่กล่าวไว้ในหนังสือ “จริต 6 ศาสตร์ในการอ่านใจคน”ความรู้นี้ไม่มีในตำราต่างประเทศ
2. Responsibilities มอบหมายหน้าที่ความรับผิดชอบให้ชัดเจน นักคิดจะสามารถแจกแจงได้ชัดเจนว่าแต่ละคนจะต้องทำอะไร อย่างไร อยู่ในส่วนไหนของโครงการ
3. Reviewing and Appraisal ประเมินความสำเร็จและความล้มเหลวของโครงการเพื่อทราบปัจจัยที่มีอิทธิพลสูง ใจต้องเปิดกว้างยอมรับความจริง ยอมรับคำวิพากษ์วิจารณ์ที่มีคำแนะนำพร้อมกับหนทางแก้ไข
4. Rewards and Punishment มีการให้คุณให้โทษอย่างยุติธรรม
สรุป : การบูรณาการทีมสู่ความเป็นเลิศขององค์กร หัวหน้าต้องมีภาวะผู้นำ มีสติปัญญาสูง มีจิตใจดีและเข้มแข็ง

โดย ดร.บุญชัย โกศลธนากุล และ ดร.วิมลกานต์ โกสุมาศ*

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น